Search

เจาะบทเรียนลูกหนี้ “เบี้ยวผ่อนมือถือ” สุดท้ายหมดตัว เพราะ “ถูกยึดที่ดิน” - ผู้จัดการออนไลน์

ponselutamas.blogspot.com


ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย? เจาะบทเรียนลูกหนี้ ขาดส่งผ่อนมือถือ จนถูกยึดที่ดินทั้งหมดของครอบครัว ญาติพี่น้อง 11 ชีวิต ต้องอยู่อย่างเคว้งคว้าง นักกฎหมายวิเคราะห์ สมควรถูกยึด กฎหมายยุติธรรมแล้ว พร้อมชี้เป็นเคสตัวอย่างให้ลูกหนี้ทุกคน

บทเรียนชีวิต เบี้ยวหนี้ผ่อนมือถือ จนถูกยึดที่ดิน

“คุณไปผ่อนโทรศัพท์มา คุณก็ต้องรู้สิว่าคุณเป็นหนี้ต้องจ่ายเขารายเดือน แล้วคุณมีที่ดินขายได้ 5-6แสน ทำไมคุณไม่จ่ายหนี้เขาแค่สองหมื่น ก็สมควรโดนแล้วครับ
เป็นไปตามกระบวนการ ไม่ว่าคุณจะเป็นหนี้ 10 บาท หรือ 20 บาท ถ้าคุณไม่ชำระหนี้ เขาฟ้องศาล เขาก็สามารถที่จะยึดทรัพย์สินของคุณได้ ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะมีมูลค่าเท่าไหร่ก็ตาม”

รัชพล ศิริสาคร
ทนายชื่อดังเจ้าของเพจ “สายตรงกฎหมาย” เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ช่วยวิเคราะห์บทเรียนลูกหนี้ กับกรณีขาดส่งผ่อนมือถือ จนขยายใหญ่เป็นยึดที่ดินของครอบครัวทั้งหมด

จากกรณีดังกล่าว สุรีพร ศรีทอง ชาว อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก วัย 38 ปี ซื้อมือถือที่ร้านแห่งหนึ่งด้วยระบบเงินผ่อน เมื่อปี พ.ศ. 2559 ในราคา 35,428 บาท โดยวางเงินดาวน์ไป 8,500 บาท ที่เหลือ 27,000 บาท ทำสัญญาผ่อนส่งเดือนละ 1,495 บาท 18 งวด

แต่ผ่อนได้ 2 งวด ก็ไม่สามารถส่งต่อที่เหลืออีก 16 งวดได้ เพราะร้านก๋วยเตี๋ยว-บะหมี่หมูแดงที่มาลงทุนเปิดในตัวเมืองพิษณุโลกได้ประมาณปีเศษๆ ก็ขาดทุน ไม่มีแม้แต่เงินใช้จ่ายประจำวัน สามีต้องหันไปทำงานต่างประเทศ

ซึ่งต่อมาตัวเองได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น และลืมเลือนหนี้สินจำนวนนี้ไป คิดเพียงว่าตัวเองนั้นจะติดเพียงเคดิตบูโรเท่านั้น จนในที่สุดถูกฟ้องร้อง สืบทรัพย์และยึดที่ดินผืนสุดท้ายที่อาศัยอยู่ 11 ชีวิต ขายทอดตลาด

“ไม่ส่งก็เพราะไม่มีเงินจะกินจริงๆ ช่วงนั้นต้องกู้เงินนอกระบบหรือกู้รายวันประทังชีวิต ไม่รู้เรื่องการกู้เงินจากธนาคารเพราะเรียนน้อยไม่จบ ม.3 ได้แต่วุฒิประถม 6 โรงเรียนในบ้านนอกเท่านั้น เคยทำงานลูกจ้างทุกอย่างแต่ก็ไม่พอกิน ไม่มีเงินเหลือมากพอไปชำระค่าโทรศัพท์มือถือที่ซื้อไว้ หลายอาชีพที่เลิกไปก็หมดเงินทุนไปเยอะ


รู้ดีว่าผิดที่ไม่ผ่อนค่าโทรศัพท์มือถือจนเรื่องราวบานปลายโดนยึดที่ไปขายทอดตลาด แต่ก็อยากขอซื้อคืนในราคาที่เป็นธรรมเท่านั้น”


เพื่อความชัดเจนถึงประเด็นทางกฎหมาย ทนายชื่อดังก็ชี้ถึงความยุติธรรมในเรื่องราวดังกล่าวว่า เรื่องนี้ชาวบ้านอาจจะมองว่าไม่เป็นธรรม แต่กฎหมายถูกตัดสินออกมาอย่างยุติธรรมแล้ว เมื่อไม่จ่ายหนี้ก็ต้องถูกบังคับชำระหนี้ ไม่อย่างนั้นลูกหนี้ก็จะเบี้ยวอยู่ตลอด

“เป็นเรื่องสัญญา คนที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาก็ต้องถูกบังคับชำระหนี้ เป็นกระบวนการทางกฎหมาย มันเป็นเรื่องปกติในวงการกฎหมาย แต่ว่าชาวบ้านอาจจะมองว่าไม่เป็นธรรม แต่จริงๆ แล้วเป็นเรื่องปกติครับ

การที่จะบังคับชำระหนี้ สำหรับลูกหนี้ที่เขาเบี้ยวมันก็เป็นไปตามกฎหมายแล้วครับ ก็คือว่าถ้าลูกหนี้เบี้ยวไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็จะต้องไปฟ้องศาล พอฟ้องศาลปุ๊บ สมมติว่าชนะคดี ศาลสั่งให้ลูกหนี้จ่ายแล้วลูกหนี้ก็ยังไม่จ่าย เจ้าหนี้ก็ต้องไปผ่านขั้นตอน ไปสืบทรัพย์ว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินอะไรบ้าง

สมมติว่าอย่างเคสนี้เจอทรัพย์สินว่าลูกหนี้มีที่ดิน ก็ต้องดำเนินการขั้นตอนต่อไปก็คือบังคับคดี บังคับคดีก็คือ เอาที่ดิน ยึดที่ดินมานะครับ แล้วก็ไปขาดทอดตลาดได้เท่าไหร่ก็เอาเงินมาชำระหนี้ ส่วนที่เหลือก็ต้องคืนแก่ลูกหนี้ ก็ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างแล้ว
เพราะฉะนั้นลูกหนี้ ถ้าใครรู้ว่าตัวเองเป็นหนี้อยู่แล้วไปเบี้ยวหนี้ อาจจะถูกบังคับคดี ยึดทรัพย์สินได้นะครับ ถ้ารู้ตัวเองว่าเป็นลูกหนี้ก็ควรชำระหนี้ อย่าปล่อยให้เกิดการฟ้องศาล หรือว่าบังคับชำระหนี้ขึ้นมา ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดความเสียหายอย่างเช่นกรณีตัวอย่างได้”

[ทนายรัชพล ศิริสาคร]
กฎหมายยุติธรรม เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย

เมื่อระยะเวลาผ่านไป ร้านมือถือ ได้ฟ้องร้องและมีหนังสือมาที่บ้านของพ่อจำเลยหลายรอบ แต่เนื่องจากพ่อแก่ชราและอ่านหนังสือไม่ออก จึงไม่รู้ว่าหนังสืออะไร จึงเซ็นรับทราบไปตามเจ้าหน้าที่รัฐสั่งให้เซ็นเท่านั้น

จนกระทั่งเรื่องถึงกรมบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดี ได้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เป็นชื่อของจำเลย ชื่อพ่อ และชื่อพี่ชาย จำนวน 4 ไร่ ออกขายทอดตลาดในราคา 5 แสนกว่าบาท เพื่อที่จะนำเงินไปใช้หนี้ในการซื้อมือถือ บวกดอกเบี้ยด้วย รวม 37,000 บาท

ส่วนเงินที่เหลือจากการขายที่ดินกว่า 4 แสนบาทนั้น จะนำคืนให้แก่จำเลย ส่วนที่ดินผืนดังกล่าว ทางกรมบังคับคดี ได้ขายไปให้เจ้าของที่ดินรายใหม่แล้ว

จนกระทั่งสามีภรรยาชาวนนทบุรีซึ่งประมูลซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไป ได้เดินทางมาที่บ้านพบกับพ่อของตัวเองแล้วบอกว่ากรมบังคับคดีได้ขายกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4 ไร่นี้ไปแล้ว หากไม่เชื่อให้ไปดูที่กรมบังคับคดี

ทางด้านลูกหนี้ที่ตกเป็นจำเลยก็คิดว่าที่ดินตรงนี้ เป็นที่มรดกอยากจะซื้อคืน แต่เจ้าของใหม่ไม่ยอมขายที่ดินคืนในราคาเดิม บอกว่าถ้าจะขายก็จะคิดราคาไร่ละ 4 แสนบาท 4 ไร่ รวมเป็นเงิน 1.6 ล้านบาท จึงคิดว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป เนื่องจากไม่มีรายได้อะไร อยากวิงวอนให้ขายที่คืนในราคาที่เป็นธรรมด้วย


ทางด้านทนายยังย้ำอีกว่า คดีฟ้องศาลไม่ได้ใช้เวลาแค่แป๊บเดียว แต่ใช้ระยะเวลานานพอสมควรในการดำเนินคดี เมื่อไม่จ่ายก็ต้องเกิดการบังคับชำระหนี้

“เขาต้องยึดทรัพย์สินแล้วก็ไปขายทอดตลาด แล้วก็เอาเงินมาชำระหนี้ ส่วนที่เหลือก็คืนลูกหนี้ไปก็ถูกต้องแล้วเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่างครับ ไม่อย่างนั้นจะบังคับให้ลูกหนี้ ชำระหนี้ได้ยังไง ลูกหนี้ก็เบี้ยวอยู่ตลอด ไม่จ่ายเงิน แล้วอย่างนี้ถ้าเราบังคับคดีไม่ได้เจ้าหนี้ก็เสียเปรียบสิครับ

เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันยุติธรรมแล้ว ก็คุณไม่จ่ายเอง ฟ้องศาลมันไม่ใช่เวลาแป๊บเดียวนะ ฟ้องกันทีเป็นปีๆ แล้วคุณก็ยังไม่จ่าย เมื่อไม่จ่ายเจ้าหนี้ก็ต้องบังคับชำระหนี้ก็ถูกแล้วครับ”

นอกจากนี้หากลูกหนี้รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมก็สามารถไปรื้อคดีจากการฟ้องร้องได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ในดุลยพินิจของศาล
“ศาลก็ตัดสินให้คุณจ่ายเงินแล้ว ทำไมไม่จ่าย คือถ้าคุณไม่รู้นะว่ามีหมายศาลมาหรืออะไร ก็สามารถที่จะไปขอรื้อคดีใหม่ได้ อันนี้เป็นขั้นตอนของคุณครับ ถ้าคุณไม่รู้เลยว่ามีการฟ้องศาลมา คุณไปขอรื้อคดีใหม่ได้

ถ้าคุณไม่รู้ ต้องไม่รู้จริงๆ แต่นี่พ่อคุณก็อยู่รับหมายศาลอยู่แล้ว มันก็ไม่สามารถที่จะอ้างได้ คุณพ่อก็ต้องบอกมาสิว่ามีเอกสารอะไรมาจากศาล
คุณไปใช้สิทธิ์ได้ครับ ไปใช้สิทธิ์ในการรื้อคดีได้ แต่ว่าก็อยู่ในดุลยพินิจของศาล ว่าจะให้หรือไม่ให้แค่นั้นเองครับ”


ล่าสุด “กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม” ได้ออกหนังสือชี้แจง ถึงกรณีดังกล่าวว่า อยู่ในการดำเนินการของสำนักงานบังคับคดี จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนการขายทอดตลาด มีผู้ซื้อได้ชำระราคาค่าซื้อทรัพย์ครบถ้วน และรับหนังสือโอนกรรมสิทธิ์ไปจากเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว

โดยได้แจ้งให้จำเลยและครอบครัว ทราบในทุกขั้นตอนตั้งแต่การยึดทรัพย์จนถึงการขายทอดตลาด ซึ่งทางจำเลย และครอบครัวไม่ได้โต้แย้งการบังคับคดีแต่อย่างใด เพียงแต่จำเลยและครอบครัว มีความประสงค์ที่จะขอซื้อทรัพย์ดังกล่าวคืนจากผู้ซื้อเท่านั้น
ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมบังคับคดียินดีและพร้อมที่จะช่วยเหลือในการนัดหมาย ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป

ท้ายนี้ ทนายชื่อดังยังฝากถึงลูกหนี้ทุกคน เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย ให้ทำตามสัญญาอย่างเคร่งครัด และขอให้เคสนี้เป็นตัวอย่าง และเป็นทบเรียนให้กับทุกคน
“เป็นลูกหนี้ คุณมีหนี้ที่จะต้องชำระหนี้นะครับ ถึงแม้ว่าจะมีสัญญาหรือไม่มีสัญญา โดยหลักของความเป็นคนดีแล้วเนี่ยคุณต้อชำระเจ้าหนี้เขา ถ้าคุณไม่ชำระหนี้ เคสนี้มันก็เป็นตัวอย่าง คุณก็อาจจะโดนมาตรการทางกฎหมายถูกฟ้องร้อง บังคับชำระหนี้”

ข่าว : MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **






June 09, 2020 at 06:15PM
https://ift.tt/3cW0yQW

เจาะบทเรียนลูกหนี้ “เบี้ยวผ่อนมือถือ” สุดท้ายหมดตัว เพราะ “ถูกยึดที่ดิน” - ผู้จัดการออนไลน์

https://ift.tt/3dK0u8i


Bagikan Berita Ini

0 Response to "เจาะบทเรียนลูกหนี้ “เบี้ยวผ่อนมือถือ” สุดท้ายหมดตัว เพราะ “ถูกยึดที่ดิน” - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.